โครงการ (ภาษาไทย) : สร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทยไม่ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ไฟฟ้า
ชื่อโครงการ (ภาษาอังกฤษ) : Protect New Gen
ผู้รับผิดชอบโครงการ : สโมสรยกกำลังสุข (ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว)
ภายใต้การสนับสนุนโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน
สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น และน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง ยิ่งในช่วงระบาดขาขึ้นที่จําเป็นต้องประสานความร่วมมืออย่างเป็นระบบและเข้มข้นจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคีเครือข่าย เป้าหมายของผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า คือ “เด็กและเยาวชน”
ภาคใต้ของประเทศไทยมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและนักเรียน จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ภาคใต้มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดทุกรอบการสำรวจ โดยปี 2564 อยู่ที่ 22.4% สูงกว่าอัตราสูบทั้งประเทศคือ 17.4% โดย 5 จังหวัดที่มีอัตราสูบบุหรี่สูงสุดของไทยก็อยู่ที่ภาคใต้ คือ กระบี่ สตูล พังงา นครศรีธรรมราช และระนอง ขณะที่เยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงตลอดเวลา และน่าเป็นห่วงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.3% เป็น17.6% หรือเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์ พบนักดื่มหน้าใหม่อายุ 15-19 ปี อยู่ที่ 30.8% อายุ 20-24 ปี อยู่ที่ 53.3% ปัจจัยสำคัญมาจากการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ การใช้ Influencer แข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต เทศกาลดนตรี และซีรีย์ต่าง ๆ ขณะที่พบนักพนันหน้าใหม่เกือบ 8 แสนคน เด็กอายุ 15-18 ปี เล่นการพนันอยู่ที่ 29.5% ซึ่งสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในภาคใต้ยังคงมีความซับซ้อนและท้าทาย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน และการค้าบุหรี่ไฟฟ้าแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ตามชายแดนภาคใต้ ซึ่งสะท้อนปัญหาด้านสุขภาพและการบังคับใช้กฎหมายที่ยังต้องคงมาตราการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จากข้อมูลอัตราการสูบบุหรี่ของจำนวนประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งประเทศ จากรายงานเรื่องสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ. 2564 พบว่าภาคใต้มีอัตราการสูบบุหรี่สูงสุด (ร้อยละ 22.4) รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 18.0) ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร มีอัตราการสูบบุหรี่ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 16.4 และ 16.1 ตามลำดับ) ส่วน ภาคเหนือมีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำสุด (ร้อยละ 15.6) เมื่อพิจารณาอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปที่สูบบุหรี่รายจังหวัดสูงสุด 5 ลำดับแรก พบว่า จังหวัดที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงสุดอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จ.กระบี่ (ร้อยละ 29.4) จ.สตูล (ร้อยละ 25.2) จ.พังงา (ร้อยละ 24.6) จ.นครศรีธรรมราช (ร้อยละ 24.6) และ จ.ระนอง (ร้อยละ 24.5) จากข้อมูลรายงานเรื่องสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ. 2564 เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า พื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีอัตราแนวโน้มของจำนวนนักสูบเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ขาดการรับรู้ในข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เป็นวัยอยากรู้อยากลองเสี่ยงหลงเชื่อในกลไกทางการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่พยามโฆษณาหลอกล่อเด็กและเยาวชนให้หลากหลายรูปแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงได้ง่ายปรับกลไกราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้