Project thumbnail

หลักสูตร “โตไปไม่สูบ Academy” (ปรับปรัง พ.ศ.2568)

โปรเจกต์

โตไปไม่สูบ

ประกาศเมื่อ

7 สิงหาคม 2568

คำอธิบาย

หลักสูตร “โตไปไม่สูบ Academy”
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันสู่นักสื่อสารสุขภาวะ รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมสร้างนิเวศโรงเรียนปลอดภัย

 

 

เป้าหมายหลักสูตร

หลักสูตร โตไปไม่สูบ Academy” มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาเยาวชน ครู และโรงเรียน ให้สามารถออกแบบกิจกรรมและโครงการเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงจากบุหรี่ไฟฟ้าโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory & Active Learning) ผสานกับกระบวนการคิดสร้างสรรค์ และการออกแบบนวัตกรรม เพื่อให้เกิดนักสื่อสารสุขภาวะที่มีภูมิคุ้มกัน และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนและชุมชนได้จริง ผ่านแนวคิดและทฤษฎีหลักสูตร ดังนี้ V-Shape Health Literacy  เสริมความสามารถในการ รอบรู้สุขภาพของเยาวชน Design Thinking ใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบเพื่อพัฒนาทักษะในการคิดสร้างสรรค์ ออกแบบโครงการ และแก้ปัญหาอย่างมีระบบ โดยเน้นการฟังเสียงผู้ใช้เป้าหมาย Active Learning  จัดกิจกรรมแบบลงมือปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมสูง ที่นำไปสู่ความเข้าใจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม Citizen Model  มุ่งพัฒนาเยาวชนให้เป็น “Active Citizen” หรือ พลเมืองนักสื่อสารสุขภาวะที่มีความรู้ ทักษะ และเจตคติในการร่วมสร้างสังคมปลอดภัย ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า School Ecosystem Model  สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ผ่านการบูรณาการ โรงเรียนทั้งระบบเพื่อสร้าง นิเวศการเรียนรู้และวัฒนธรรมโรงเรียนปลอดภัย และ Facilitator Model  พัฒนาบทบาทของครูในฐานะ ผู้อำนวยการเรียนรู้” (Facilitator) ที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยน การคิดวิเคราะห์ และการออกแบบร่วมกันกับนักเรียน เพื่อเสริมพลังให้เยาวชนเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลง

 

โครงสร้างหลักสูตร 5 ระยะเพื่อความต่อเนื่องและยั่งยืน ดังนี้

โครงสร้าง

กลุ่มเป้าหมาย

ระยะเวลา

จุดเน้น  

ระยะที่ 1: พัฒนาศักยภาพแกนนำและโครงการนวัตกรรม

แกนนำ

 

3 วัน 2 คืน
(25 ชั่วโมง)

ความรู้ + ทักษะคิดวิเคราะห์ + ออกแบบนวัตกรรม

ระยะที่ 2 : พัฒนาความเป็นFacilitator และเครื่องมือบอร์ดเกมสำหรับครู

ครูพี่เลี้ยง

2 วัน 1 คืน
(17ชั่วโมง)

บทบาท Facilitator + สื่อการเรียนรู้ และร่วมออกแบบสภาพแวดล้อม

ระยะที่ 3 : ดำเนินการในสถานศึกษาและชุมชน
รอบโรงเรียน

แกนนำ และ ครูพี่เลี้ยง

1 ภาคเรียน หรือ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน

สร้างการตระหนักรู้กับกลุ่มเป้าหมาย + วัดผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการจัดสภาพแวดล้อม  

ระยะที่ 4 : เวที Up Skill เสริมทักษะศักยภาพผ่านระบบออนไลน์

แกนนำและคณะทำงาน

6 ชั่วโมง (2 ชั่วโมง/ครั้ง)

เสริมทักษะ 4 C ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การสื่อสาร (Communication), และการทำงานร่วมกัน (Collaboration

ระยะที่ 5 : การนำเสนอผลงานในรูปแบบ Festival และ Showcase

แกนนำ และ ครูพี่เลี้ยง

2 วัน 1 คืน
(17ชั่วโมง)

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ + เชื่อมโยงภาคี   

 

 

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

1.     เยาวชนสามารถรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า และ ออกแบบกิจกรรมรณรงค์ได้ด้วยตนเอง

2.     ครูสามารถเป็นพี่เลี้ยง/ผู้ชี้แนะ ที่สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่มีความหมาย

3.     โรงเรียนมีนวัตกรรม/โครงการ ที่ส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

4.     เกิดต้นแบบนิเวศโรงเรียนปลอดภัย ที่ขยายผลสู่เครือข่ายระดับพื้นที่

ระยะที่ 1: พัฒนาศักยภาพแกนนำและโครงการนวัตกรรม

 

◾ จุดมุ่งหมาย

- เสริมสร้างความรู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า สื่อ และพฤติกรรมเสี่ยง

- ส่งเสริมทักษะการเป็นนักสื่อสารสุขภาวะ และการคิดเชิงนวัตกรรม

- พัฒนานวัตกรรมโครงการโรงเรียนปลอดภัย โดยเยาวชนเป็นผู้นำ

 

◾ เนื้อหา

- ความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า/กลยุทธ์อุตสาหกรรม

- ความเข้าใจตนเอง และแรงจูงใจของวัยรุ่น

- Design Thinking สำหรับกิจกรรมในโรงเรียน

- ทฤษฎี V-Shape เพื่อวิเคราะห์และเข้าใจเชิงลึก

- พื้นฐานสื่อสร้างสรรค์และการเล่าเรื่อง (Storytelling)

 

◾ การจัดการเรียนรู้

- ค่ายอบรม 3 วัน 2 คืน แบบมีส่วนร่วม

- ใช้กิจกรรม Active Learning, Role Play, Workshop

- การแบ่งกลุ่มสร้างนวัตกรรมกิจกรรม

- การนำเสนอ Mini Pitch โครงการต้นแบบ

 

◾ การประเมินผล

- แบบประเมินก่อน-หลังค่าย

- การนำเสนอผลงานต้นแบบ

- การสะท้อนเรียนรู้ (Reflection)

 

 

 

 

 

 

 

 

ระยะที่ 2 : พัฒนาความเป็นFacilitator และเครื่องมือบอร์ดเกมสำหรับครู

 

◾ จุดมุ่งหมาย

- เสริมบทบาทครูเป็นFacilitator/พี่เลี้ยงร่วมกับเยาวชน

- พัฒนาเครื่องมือกิจกรรม เช่น บอร์ดเกม เพื่อการเรียนรู้ในห้องเรียน

 

◾ เนื้อหา

- ทักษะการเป็น Facilitator แบบปลดล็อกศักยภาพเยาวชน

- การออกแบบกิจกรรมโดยใช้ Active Learning

- การใช้สื่อและบอร์ดเกมสร้างการเรียนรู้

- บทบาทครูในฐานะ “พี่เลี้ยง/ผู้เสริมแรง” และผู้เปลี่ยนวัฒนธรรมโรงเรียน

 

◾ การจัดการเรียนรู้

- อบรมเชิงปฏิบัติการครู 2 วัน 1 คืน

- ทดลองใช้บอร์ดเกม/ชุดเครื่องมือในสถานการณ์จำลอง

- การวางแผนร่วมกับนักเรียนในการนำกิจกรรมไปใช้จริง

 

◾ การประเมินผล

- แบบประเมินความเข้าใจและความพร้อมครูพี่เลี้ยง

- แผนการดำเนินการของ Facilitator และวางระบบติดตาม

- สังเกตพฤติกรรมการโค้ชและการมีส่วนร่วม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ระยะที่ 3 : ดำเนินการในสถานศึกษาและชุมชนรอบโรงเรียน (1 ภาคเรียน หรือ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน)

 

◾ จุดมุ่งหมาย

- ส่งเสริมการนำกิจกรรมไปบูรณาการหรือสนับสนุนโครงการลดปัจจัยเสี่ยงในโรงเรียนไปสู่การปฏิบัติจริงในและรอบสถานศึกษาให้มีความเข้มแข็งและสามารถวัดผลการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมและสภาพเเวดล้อมได้จริง

-สร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมโตไปไม่สูบเพื่อสร้างวัฒนธรรมป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงจากภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า 

 

◾ เนื้อหา

- การนำกิจกรรม/โครงการไปจัดในโรงเรียน เช่น นิทรรศการถาวร , สื่อรณรงค์ในและรอบโรงเรียน

- การสื่อสารต่อเพื่อนผ่านเพจโรงเรียน  สภานักเรียน โมเดลเพื่อนช่วยเพื่อน และอินฟลูอินเซอร์หรือไอดอลในโรงเรียน

- การออกแบบกิจกรรมขยายผลสู่ชุมชน เช่น เฝ้าระวังร้านค้ารอบโรงเรียน เครือข่ายโตไปไม่สูบไซเบอร์

 

◾ การจัดการเรียนรู้

- เยาวชนเป็นผู้นำจัดกิจกรรมภายใต้การโค้ชของครู

- กระบวนการเรียนรู้แบบวนซ้ำ (Reflect – Improve – Act)

- สนับสนุนแคมเปญ “โตไปไม่สูบ” ภายในโรงเรียน

 

◾ การประเมินผล

- บันทึกกิจกรรมและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

- แบบประเมินเพื่อน/ครู/ผู้เข้าร่วมกิจกรรม

- การสรุปบทเรียนเป็นรายงานหรือสื่อออนไลน์

 

 

 

 

 

 

 

 

ระยะที่ 4 : เวที Up Skill เสริมทักษะศักยภาพผ่านระบบออนไลน์

 

◾ จุดมุ่งหมาย

- พัฒนาและเสริมศักยภาพเยาวชนในการเป็น นักสื่อสารสุขภาวะ และการจับตาสถานการณ์บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมออนไลน์

- สร้างทักษะ 4C ที่จำเป็นต่อการออกแบบกิจกรรมรณรงค์ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในโรงเรียน

- ใช้เครื่องมือดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นพื้นที่ฝึกฝนการคิด วิเคราะห์ สื่อสาร และทำงานร่วมกัน

- เตรียมความพร้อมเพื่อขยายผลสู่การดำเนินกิจกรรมในเวที Showcase (ระยะที่ 5)

 

◾ เนื้อหา

Module 1 – Critical Thinking

1) รู้เท่าทันสื่อ และข้อมูลสุขภาพ (Media Literacy & Health Literacy)

2) วิเคราะห์ข้อมูลเรื่อง บุหรี่ไฟฟ้าด้วยกรอบการคิดเชิงวิพากษ์

3) Case Study: ข่าวปลอม / อินฟลูเอนเซอร์กับการตลาดบุหรี่ไฟฟ้า

Module 2 – Creativity

1) การคิดสร้างสรรค์เพื่อออกแบบสื่อรณรงค์

2) เทคนิคการออกแบบแคมเปญ โตไปไม่สูบผ่านภาพ เสียง วิดีโอ หรือเกม

3) ฝึกฝนการใช้เครื่องมือ Canva / Clipchamp / Storyboard

Module 3 – Communication

1) การเล่าเรื่องให้มีพลัง (Storytelling for Change)

2) การสื่อสารเชิงบวก / การนำเสนอผ่านโซเชียลมีเดีย

3) ฝึกทำ Pitch หรือ Presentation แบบสั้น

Module 4 – Collaboration

1) การออกแบบเครือข่ายเฝ้าระวัง “โตไปไม่สูบไซเบอร์”

2) ฝึกบทบาทผู้นำในการเฝ้าระวังและจับตาสถานการณ์บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมออนไลน์

4) ออกแบบภารกิจกลุ่มเพื่อส่งต่อแนวคิดโตไปไม่สูบ

 

◾ การจัดการเรียนรู้

- ใช้รูปแบบ Online Learning (2–4 สัปดาห์) ผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Google Classroom, Zoom, หรือ LMS

- มีวิดีโอสั้น, อินโฟกราฟิก, บทเรียนเชิงปฏิสัมพันธ์ (Interactive)

- กิจกรรมแบบ Challenge / Assignment รายบุคคลและกลุ่ม

- มี โค้ช / ครู ทำหน้าที่เป็น Mentor คอยสะท้อนและติดตามพัฒนาการ

- ใช้กระบวนการ Reflect–Improve–Act ในแต่ละสัปดาห์

 

◾ การประเมินผล

1. การประเมินรายบุคคล

- แบบประเมินตนเองด้านทักษะ 4C (ก่อนหลังเรียน)

- Mini Project / Portfolio: คลิปสั้น/โปสเตอร์/บทความ/บทพูด

- Logbook การเรียนรู้สะท้อนประสบการณ์รายสัปดาห์

2. การประเมินรายกลุ่ม

- กิจกรรมกลุ่ม: ออกแบบไอเดียแคมเปญหรือกิจกรรมรณรงค์

- การให้เพื่อนประเมินกันเอง (Peer Assessment)

- Rubric การทำงานเป็นทีม: การแบ่งบทบาท การสื่อสาร และการส่งมอบงาน

3. การสะท้อนผลและติดตามต่อเนื่อง

- ถอดบทเรียนร่วม (ผ่าน Zoom หรือฟอร์มออนไลน์)

- สรุปผลในรูปแบบ Infographic หรือ Presentation เตรียมสู่เวที Showcase

- ระบบ Badge/Certificate สำหรับผู้ผ่านหลักสูตรครบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ระยะที่ 5 : การนำเสนอผลงานในรูปแบบ Festival และ Showcase

 

◾ จุดมุ่งหมาย

- เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงความสามารถและแบ่งปันผลลัพธ์

- เชื่อมโยงเครือข่ายโรงเรียนและภาคีร่วมขับเคลื่อน

 

◾ เนื้อหา

- ฟังเสียงของแกนนำเยาวชนและครูในรูปแบบ โตไปไม่สูบ Talk (ภูมิคุ้มใจ)

- นิทรรศการแคมเปญโตไปไม่สูบ เพื่อแสดงผลงานสื่อ เช่น  บอร์ดเกม  กิจกรรมรณรงค์

- เวทีถอดบทเรียน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสู่การเป็นนักสื่อสารสุขภาวะ

 

◾ การจัดการเรียนรู้

- การเรียนรู้ข้ามโรงเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านกิจกรรม Showcase

- การประเมินตนเอง โดยใช้ v-shep และผู้อื่นในเวทีจริง

- การสะท้อนความสำเร็จและบทเรียน เพื่อยกระดับการดำเนินงาน

 

◾ การประเมินผล

- แบบฟอร์มประเมินการเรียนรู้ตลอดหลักสูตร

- ผลลัพธ์เชิงคุณภาพจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

- การเก็บเสียงสะท้อนของผู้เข้าร่วมงาน

 

 

รายละเอียด

โครงสร้างสมรรถนะ 4 ระยะของหลักสูตร

ระยะที่ 1: พัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนและโครงการนวัตกรรม

สมรรถนะหลัก

รายละเอียด

ด้านการรู้เท่าทันสุขภาวะ (Health Literacy)

มีความเข้าใจเกี่ยวกับภัยของบุหรี่ไฟฟ้า วิเคราะห์รากของปัญหาในชุมชน/โรงเรียน โดยใช้แนวคิด V-Shape Health Literacy

การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)

ใช้กระบวนการคิด-สร้าง-ทดลอง-ปรับ เพื่อออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์ปัญหาจริง

การสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Media & Message)

ถ่ายทอดแนวคิดผ่านสื่อสร้างสรรค์ เช่น บอร์ดเกม, โปสเตอร์, แคมเปญ

ความเป็นผู้นำเชิงสังคม (Social Leadership)

ทำงานเป็นทีม กล้าคิด กล้าแสดงออก และเข้าใจบทบาทตนในฐานะพลเมือง

 

ระยะที่ 2: พัฒนาความเป็น Facilitator และเครื่องมือบอร์ดเกมสำหรับครู

สมรรถนะหลัก

รายละเอียด

ด้านการโค้ชและการเป็นพี่เลี้ยง (Facilitation)

ครูสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ สนับสนุนเยาวชนในการดำเนินกิจกรรม

การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Active Learning Design)

ออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ในห้องเรียน ใช้สื่อบอร์ดเกม/กิจกรรมเสริม

ด้านการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมโรงเรียน (School Culture Transformation)

สร้างบรรยากาศเอื้อต่อการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงในโรงเรียน

การประเมินและติดตามผล (Monitoring & Coaching)

 

 

ระยะที่ 3: การดำเนินการจริงในสถานศึกษาและชุมชน (1 ภาคเรียน)

สมรรถนะหลัก

รายละเอียด

การนำกิจกรรมไปปฏิบัติ (Project Implementation)

เยาวชนสามารถนำกิจกรรมไปจัดในโรงเรียน ชวนเพื่อนร่วมรณรงค์จริง

การทำงานแบบมีส่วนร่วม (Collaborative Action)

เยาวชนและครูทำงานร่วมกันกับเพื่อน ชุมชน เครือข่ายภายนอก

การสะท้อนและพัฒนาต่อเนื่อง (Reflection & Improvement)

ประเมินผลกิจกรรมด้วยตนเอง และปรับให้ดีขึ้นเป็นรอบๆ

การสร้างนิเวศโรงเรียนปลอดภัย (School Safety Ecosystem)

พัฒนาโมเดลโรงเรียนปลอดภัยที่มีการเฝ้าระวังและบูรณาการกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

 

ระยะที่ 4: เวที Up Skill เสริมทักษะศักยภาพผ่านระบบออนไลน์

สมรรถนะหลัก

รายละเอียด

การคิดเชิงวิพากษ์ - Critical Thinking

วิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพ (โดยเฉพาะเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า) อย่างมีเหตุผลและหลักฐาน

การออกแบบสร้างสรรค์สื่อสุขภาวะ - Creativity

ผลิตสื่อหรือกิจกรรมสร้างการเปลี่ยนแปลง      

การสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง - Communication

ถ่ายทอดแนวคิดหรือข้อมูลให้เกิดความเข้าใจ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

การทำงานร่วมกับผู้อื่น      ทำงานเป็นทีม - Collaboration

วางแผน แบ่งบทบาท และส่งมอบผลลัพธ์ร่วมกัน

        

 

 

 

 

ระยะที่ 5: การนำเสนอผลงานในรูปแบบ Festival & Showcase

สมรรถนะหลัก

รายละเอียด

การสื่อสารต่อสาธารณะ (Public Presentation)

นำเสนอผลงานผ่านเวที Showcase, TED Talk, นิทรรศการ

การสรุปบทเรียนและถ่ายทอดต่อ (Knowledge Transfer)

รวบรวมบทเรียนเป็นสื่อหรือคู่มือ ถ่ายทอดแนวคิดให้โรงเรียนอื่นหรือชุมชน

การประเมินตนเองและทีม (Self & Peer Assessment)

ใช้เครื่องมือเช่น V-Shape หรือ Peer Review ประเมินการเรียนรู้

การเชื่อมเครือข่าย (Networking & Movement)

สร้างความร่วมมือกับโรงเรียนอื่น ภาคี เอกชน เพื่อขยายผลสู่ความยั่งยืน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แนวคิดการเรียนรู้ตามทฤษฎีหลักสูตร

 

1. V-Shape Health Literacy ความรอบรู้ด้านสุขภาพสู่การเป็นนักสื่อสารสุขภาวะ

2. Design Thinking  พัฒนาทักษะคิด-ออกแบบ-แก้ปัญหา

3. Active Learning  กระตุ้นการมีส่วนร่วม ฝึกปฏิบัติจริง

4. Citizen Model  สร้างพลเมืองนักสื่อสารสุขภาวะ

5. School Ecosystem Model  เชื่อมโยงการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลงในระดับโรงเรียนและชุมชน

6. Facilitator ผู้อำนวย มีหน้าที่ กระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสร้างบรรยากาศและนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินงานลดปัจจัยเสี่ยงในและรอบโรงเรียน

7. ทักษะ 4C ในศตวรรษที่ 21 หมายถึง 4 ทักษะหลักที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้และการทำงานในยุคปัจจุบัน ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การสื่อสาร (Communication), และการทำงานร่วมกัน (Collaboration)

 

การขยายแนวคิดทั้ง 6 แนวคิดหลัก โดยเชื่อมโยงกับการดำเนินงานของเครือข่ายนักสื่อสารสุขภาวะ โตไปไม่สูบ”  และการพัฒนาเยาวชนในฐานะพลเมืองรู้เท่าทันสุขภาพ ผ่านหลักสูตรที่ออกแบบบนฐานของทฤษฎีและแนวคิดหลักสูตรร่วมสมัย ดังนี้    

 

1. V-Shape Health Literacy ความรอบรู้ด้านสุขภาพ

แนวคิด  V-Shape Health Literacy หรือ ความรอบรู้ด้านสุขภาพแบบ V-Shape" เป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยเน้นกระบวนการ 6 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การเข้าถึง (Access) การเข้าใจ (Understand) การซักถาม (Questioning) การตัดสินใจ (Make Decision) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Apply) และการบอกต่อ (Share) กรมอนามัยใช้แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศไทย ทั้งนี้ การเชื่อมโยงกับการดำเนินงานของเครือข่ายโตไปไม่สูบ ดังนี้

1)     Access – เข้าถึงข้อมูลปัญหาในโรงเรียนและชุมชน เยาวชนเรียนรู้การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งจากแหล่งข้อมูลทางวิชาการ ข่าวสาร และการลงพื้นที่สำรวจชุมชน/เพื่อนนักเรียนใช้กิจกรรมแผนที่ภัยสุขภาพ,แบบสำรวจพฤติกรรมการใช้พอตในกลุ่มวัยรุ่น, การสัมภาษณ์ผู้ใช้งานจริง

2)     Understand – เข้าใจเนื้อหาและบริบทของปัญหาใช้การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม Active Learning เพื่อเข้าใจโทษของบุหรี่ไฟฟ้า กลไกตลาดสีเทา ช่องว่างของกฎหมาย วิเคราะห์สื่อที่พบในออนไลน์และรอบตัว เช่น โฆษณาแฝงใน TikTok, ยูทูบเบอร์, ร้านค้าใกล้โรงเรียน เข้าใจระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น เพื่อน ครอบครัว ชุมชน

3)     Questioning – ตั้งคำถามอย่างรู้เท่าทัน กระตุ้นให้เยาวชนใช้การตั้งคำถามต่อข้อมูล เช่น  “จริงหรือไม่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา?” ,  “ใครได้ประโยชน์จากการที่เพื่อนฉันสูบพอต?” , ใช้กิจกรรม “ถามให้แตก” และ “ล้วงลึกข้อเท็จจริง” เพื่อแยกแยะข้อมูลจริง–เท็จ

4)     Make Decision – ตัดสินใจเลือกพฤติกรรมสุขภาวะ ฝึกการตัดสินใจในสถานการณ์จำลอง เช่น เพื่อนชวนสูบพอต, เห็นครู/รุ่นพี่ใช้งาน ใช้กิจกรรม “เกมเลือกทางชีวิต” หรือ “โตไปไม่สูบไซเบอร์” เพื่อให้เห็นผลของการเลือก

5)     Apply – ปรับใช้กับพฤติกรรมของตนเองและกลุ่มเพื่อน เยาวชนเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปฏิเสธอย่างสร้างสรรค์ ไม่ตกเป็นเหยื่อการตลาด ลงมือทำกิจกรรมในโรงเรียน เช่น นิทรรศการ “พอตไม่เท่ พัง” , เพจรณรงค์ของสภานักเรียน , เฝ้าระวังร้านค้าใกล้โรงเรียน เป็นต้น

6)     Share – ถ่ายทอด ขยายผล บอกต่อ สื่อสารออกไปผ่านกิจกรรม เช่น โตไปไม่สูบ Talk ภูมิคุ้มใจ กิจกรรม “พี่เล่าให้น้องฟัง”  การสร้างบอร์ดเกม/คลิปวิดีโอ TikTok/โปสเตอร์ ส่งต่อสู่เพื่อน โรงเรียนอื่น ชุมชน โดยสร้างเป็น “วัฒนธรรมรู้เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้า” ในโรงเรียน

 

 

จุดเด่นของการใช้ V-Shape Health Literacy กับเครือข่ายนักสื่อสารสุขภาวะ

จุดเด่น

รายละเอียด  

เป็นระบบ

ทำให้การเรียนรู้ไม่สะเปะสะปะ มีขั้นตอนชัดเจน

ฝึกคิด

เยาวชนเรียนรู้ผ่านการตั้งคำถาม วิเคราะห์ และตัดสินใจ

มีส่วนร่วม

สนับสนุน Active Learning ไม่เน้นการสอนแบบบรรยาย

ใช้จริงได้

เชื่อมโยงกับพฤติกรรมจริงและการสร้างสื่อรณรงค์ของเยาวชน

ขยายผล

สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมในโรงเรียน

 

สรุปการบูรณาการ V-Shape Health Literacy ในหลักสูตร “โตไปไม่สูบ”

ขั้นตอน V-Shape

กิจกรรมที่สอดคล้องในหลักสูตร 

Access   

สำรวจปัญหาโรงเรียน/ชุมชน, วิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้

Understand 

เรียนรู้จากคลิป/โปสเตอร์/Active Learning

Questioning

ตั้งคำถามเชิงลึก สื่อวิเคราะห์ ข้อมูลเท็จจริง

Make Decision

ฝึกการเลือกในสถานการณ์เสี่ยง    

Apply

สร้างโครงการ โตไปไม่สูบ ในโรงเรียน     

Share

Showcase, โตไปไม่สูบ Talk, สื่อรณรงค์   

 

2. Design Thinking การคิด-ออกแบบ-แก้ปัญหา สร้างนวัตกรรมสุขภาวะ
แนวคิด Design Thinking คือกระบวนการคิดเชิงออกแบบที่เริ่มจากความเข้าใจผู้ใช้ (Empathy) ไปสู่การระบุปัญหา การระดมความคิด ทดลอง และทดสอบแนวทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ การเชื่อมโยงกับเครือข่ายโตไปไม่สูบ เครือข่ายใช้ Design Thinking ในการสร้างนวัตกรรมสื่อ เช่น บอร์ดเกม แคมเปญสื่อ โปสเตอร์วิดีโอ TikTok หรือกิจกรรมในชุมชน ผ่านขั้นตอน ดังนี้ 1) เข้าใจผู้รับสาร (Empathize) สำรวจความเข้าใจของเพื่อนๆ ต่อบุหรี่ไฟฟ้า 2) ระบุปัญหา (Define) “ทำไมเพื่อนยังสูบพอต แม้รู้ว่ามีโทษ?” 3) คิดนวัตกรรม (Ideate) ระดมความคิดจากทีม 4) ทดลอง (Prototype) ทำโปสเตอร์/เกมต้นแบบ 5) ทดสอบ (Test) นำไปลองใช้ในโรงเรียน/ชุมชน

 

3. Active Learning การเรียนรู้ผ่านการลงมือ ทำจริง คิดจริง สื่อสารจริง  
แนวคิด Active Learning เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีการตั้งคำถาม ลงมือปฏิบัติ เรียนรู้จากการมีส่วนร่วม การเชื่อมโยงกับเครือข่ายโตไปไม่สูบ ในกิจกรรมทั้งหมดของโครงการ เช่น การจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการโตไปไม่สูบ Academy การสร้างบอร์ดเกม การลงพื้นที่สำรวจพฤติกรรมในร้านค้ารอบโรงเรียน การสื่อสารผ่านเพจสภานักเรียน หรือจัดนิทรรศการ ล้วนเป็น Active Learning ที่ช่วยให้เยาวชนเรียนรู้จากการ "ทำ" ไม่ใช่แค่ "ฟัง"   

4. Citizen Model เยาวชนในฐานะพลเมืองนักสื่อสารสุขภาวะ      
แนวคิด Citizen Model คือการพัฒนาเยาวชนให้มีสำนึกความเป็นพลเมือง มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม กล้าคิด กล้าทำ และสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในสังคม เช่น การเชื่อมโยงกับเครือข่ายโตไปไม่สูบ เยาวชนไม่ได้เป็นเพียง "นักเรียน" แต่คือ ผู้นำโครงการในโรงเรียน ผู้เฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยง และนักสื่อสารที่สามารถสื่อสารกับครู เพื่อน และชุมชน โดยการเรียนรู้จึงมุ่งพัฒนา พลเมืองนักสื่อสารสุขภาวะที่มีความรับผิดชอบและเข้าใจประเด็นสาธารณะอย่างลึกซึ้ง 

 

5. School Ecosystem Model การเปลี่ยนโรงเรียนเป็นพื้นที่เรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกัน
แนวคิด การพัฒนาโรงเรียนให้เป็น ระบบนิเวศการเรียนรู้” (Ecosystem) ต้องเชื่อมโยงระหว่าง นักเรียน ครู ผู้อำนวยการ และ ชุมชน เพื่อสร้าง วัฒนธรรมโรงเรียนที่ต้านภัยสุขภาพ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า การเชื่อมโยงกับเครือข่ายโตไปไม่สูบ โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะมี เพจ โตไปไม่สูบโรงเรียนโมเดลเพื่อนช่วยเพื่อน การจัดนิทรรศการถาวร ครูเป็น Facilitator ร่วมกับเยาวชน โครงการขยายผลสู่ชุมชน เช่น เฝ้าระวังร้านค้ารอบโรงเรียน สิ่งเหล่านี้คือการสร้างนิเวศการเรียนรู้เชิงรุก ที่ลดปัจจัยเสี่ยงในระดับระบบ

 

6. Facilitator ผู้อำนวยที่จุดประกาย ไม่ใช่สอนแบบสั่งการ  
แนวคิด Facilitator คือผู้สร้างบรรยากาศปลอดภัยในการเรียนรู้ กระตุ้นให้ผู้เรียนคิด ตั้งคำถาม สะท้อน และลงมือทำ มากกว่าการสั่งสอนหรือชี้นำ การเชื่อมโยงกับเครือข่ายโตไปไม่สูบ ครูและนักวิชาการในโครงการ ไม่ได้เป็นแค่ ผู้สอนแต่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เยาวชนคิดวิเคราะห์ เปิดพื้นที่ให้ทดลองผิด-ถูก สะท้อนบทเรียนร่วมกับเยาวชน วางแผนกับนักเรียนร่วมกัน นี่คือการสร้างวัฒนธรรมใหม่ในโรงเรียน ผ่าน ครูพี่เลี้ยงที่เป็นทั้งผู้ร่วมเรียนรู้และผู้ร่วมสร้างนวัตกรรมสุขภาวะไปพร้อมกับเยาวชน 

 

7.ทักษะ 4 C ในศตวรรษที่ 21 หมายถึง 4 ทักษะหลักที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้และการทำงานในยุคปัจจุบัน ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking), ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การสื่อสาร (Communication), และการทำงานร่วมกัน (Collaboration)

 

         สรุปภาพรวม โครงการ โตไปไม่สูบใช้กระบวนการเชิงทฤษฎีทั้ง 7 ด้านเป็นกลไกขับเคลื่อนให้เยาวชนและครูมีสมรรถนะเป็นนักสื่อสารสุขภาวะ สร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับบุคคล โรงเรียน และชุมชน อย่างเป็นระบบ 

 

สื่อประกอบใบงาน

1.     ใบงานวิเคราะห์ต้นไม้ปัญหา

2.     ใบงาน  Design Thinking: จากปัญหาสู่ไอเดียโครงการ

3.     แผ่นกิจกรรม Active Learning: จำลองสถานการณ์การปฏิเสธบุหรี่ไฟฟ้า

4.     ใบงานวางแผนโครงการโตไปไม่สูบ (CANVAS)

5.     แบบประเมินสมรรถนะตนเอง (Self-assessment form)

6.     แบบประเมินการเป็น Facilitator สำหรับครู

7.     ใบงานกิจกรรมถอดบทเรียนเพื่อ Showcase

8.     Checklist การดำเนินงานจริงในโรงเรียน

สื่อประกอบ (clip/ebook/pdf)

เอกสารประกอบ

แบบวัดผลออนไลน์

วิทยากร

ฮาริส มาศชาย

ฮาริส มาศชาย

ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว

ประวัติวิทยากร
ชัยวุฒ บุตรแหล่

ชัยวุฒ บุตรแหล่

ผู้จัดการโครงการ

ประวัติวิทยากร

รูปภาพ