โครงการคนรุ่นใหม่ร่วมออกแบบชุมชนสร้างความปลอดภัยทางถนน หรือ Design for Change
วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้ม
อุบัติเหตุทางถนนเป็นหนึ่งในประเด็นน่ากังวลของประเทศไทยที่สร้างความสูญเสียทั้งในแง่ของชีวิตและเศรษฐกิจต่อประเทศอย่างมหาศาล รายงานองค์การอนามัยโลกฉบับล่าสุด 2023 พบว่า คนไทยเสียชีวิต 18,218 ราย หรือคิดเป็น 25 ต่อแสนประชากร ลดลงจากปี 2561 ที่มีอัตราเสียชีวิต 24,728 ราย หรือคิดเป็น 35 ต่อแสนประชากร ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ ThaiRSC ที่รายงานสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนรายชั่วโมง พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทุกวัน ยานพาหนะที่เป็นสาเหตุหลักทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ รถจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 81 และพบด้วยว่าในกลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิตนี้มีการบาดเจ็บที่ศีรษะสูง ซึ่งสัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งทางศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ค้นพบจากการศึกษาวิจัยว่า สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เกิดจากทั้งผู้ขับขี่เองและที่เป็นคู่กรณีในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่สาเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่พบว่า ร้อยละ 50 เกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่ประเมินสถานการณ์ รองลงมาได้แก่ ความผิดพลาดในการตัดสินใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ฉุกเฉิน และความผิดพลาดในการควบคุมรถ ส่วนในอุบัติเหตุที่มีความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตนั้น พบว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์สูงถึงร้อยละ62 และพบว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี โดยมีสัดส่วนในการเกิดอุบัติเหตุในช่วงกลางคืนสูงถึงร้อยละ 44%
กลุ่มเยาวชน ในพื้นที่ชนบทหรือในชุมชนที่มีช่วงอายุ 15-24 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง จากการใช้รถจักรยานยนต์และเป็นวัยที่มีความคึกคะนองเป็นกลุ่มที่มีการใช้ยานพาหนะหลัก มีการรวมกลุ่มดัดแปลงสภาพยานพาหนะ เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถหารายได้เองได้จึงเลือกใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลักเป็นยานพาหนะหลักที่คนไทยเลือกใช้สูงสุด ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดอุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์มากขึ้นนั้นเกิดจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะ โดยรถโดยสารประจำทาง และระบบขนส่งมวลชนราง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีทางเลือกการเดินทางที่น้อยกว่า ไม่ครอบคลุม ต้นทุนในการเดินทางที่แพงกว่า และไม่สะดวกสบาย ทำให้ประชาชนหันมาซื้อรถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางมากขึ้น แนวโน้มการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา การสร้างวัฒนธรรมที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางท้องถนนกับกลุ่มเสี่ยงจึงมีความสำคัญ รวมถึงการจัดการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงนั้นถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
พื้นที่ภาคใต้ มีบริบทที่มีความแตกต่างบนความหลากหลายทั้งมิติของพื้นที่ทางกายภาพ พบว่า ผู้ได้รับอุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 57.4 อายุ 16-25 ปี ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ 16.01-18.00 น. เกิดอุบัติเหตุกับรถจักรยานยนต์มากที่สุด ร้อยละ 88 เกิดโดยไม่มีคู่กรณี ร้อยละ 64.65 ผู้เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย/ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร้อยละ 76.3 ดื่มสุรา ร้อยละ 95.1 และเกิดอุบัติเหตุบนถนนในเขตชนบท ร้อยละ 69.4 ส่วนใหญ่บาดเจ็บไม่รุนแรงสามารถกลับบ้านได้ในทันที ร้อยละ 59.6 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า เพศ อายุ ประเภทยานพาหนะ พฤติกรรมเสี่ยง และลักษณะถนน มีความสัมพันธ์กับการเกิดอุบัติเหตุ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 และ เพศ อายุ พฤติกรรมเสี่ยง และลักษณะถนนมีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
จากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว ได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ประเด็นปัญหาเพื่อหาแนวทางพัฒนาการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนและการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยการยกระดับมาตรฐานของการออกแบบและสร้างสรรค์ความปลอดภัยทางถนน เกิดกิจกรรมเคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็งในการจัดการกับปัญหาเชิงระบบ สร้างวิธีแก้ปัญหาที่ครอบคลุมสู่ความยั่งยืนในอนาคตของชุมชน และมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ภาคีประชาชน ร่วมกับสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวะศึกษา อุดมศึกษาให้บรรลุเป้าหมาย ให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน และร่วมลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน
ภาพกรอบแนวคิดการดำเนินงานของการชวนคนรุ่นใหม่มาร่วมออกแบบชุมชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคมเพื่อสร้างความปลอดภัยทางท้องถนน (Conceptual Framework)
การดำเนินงานภายใต้แผนการจัดการความปลอดภัยทางถนนมุ่งสนับสนุนการลดอัตราการตายจากอุบัติเหตุทางถนน ผ่านการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนรุ่นใหม่มาร่วมออกแบบชุมชนลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนที่เน้นผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่ พฤติกรรมเสี่ยงสำคัญลดลงและเพิ่มพฤติกรรมความปลอดภัยด้วยการออกแบบในการจัดสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และรถจักรยานยนต์ปลอดภัย โดยใช้ยุทธศาสตร์ไตรพลังในการขับเคลื่อนงานที่หนุนเสริมการทำงานร่วมกันทั้งพลังปัญญา พลังสังคม และพลังนโยบาย พร้อมยุทธศาสตร์การทำงาน ผ่านการสนับสนุนงานวิชาการและรังสรรค์นวัตกรรมด้วยการออกแบบสร้างสรรค์ในการจัดสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และรถจักรยานยนต์ปลอดภัย พร้อมการสานเสริมพลังภาคีและเครือข่ายโดยเฉพาะสถาบันการศึกษาและนักออกแบบมาร่วมเป็นภาคีเพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพกลุ่มคนรุ่นใหม่ในชุมชนให้มีความตระหนักและความพร้อมในการดำเนินงานผ่านการร่วมพัฒนากลไกทางนโยบายในชุมชนท้องถิ่น ด้วยการสื่อสาร จุดประกาย สร้างความปลอดภัยทางถนนลดอัตราการตายจากอุบัติเหตุที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสังคมผ่านกลไก 3 E ในการดำเนินงาน คือ (Empower) พัฒนาศักยภาพของนักออกแบบชุมชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคมเพื่อสร้างความปลอดภัยทางท้องถนน สู่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในชุมชน (Engagement) พัฒนากลไกและปัจจัยแวดล้อมที่สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนผ่านการสานเสริมพลังภาคีและเครือข่ายโดยเฉพาะสถาบันการศึกษาและนักออกแบบมาร่วมเป็นภาคีเพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพกลุ่มคนรุ่นใหม่ในชุมชนให้มีความตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน และ (Enable) จัดให้มีทรัพยากรและช่องทางสื่อสารนวัตกรรมด้วยการออกแบบสร้างสรรค์ในการจัดสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และรถจักรยานยนต์ปลอดภัย
คำนิยาม
คนรุ่นใหม่ หมายถึง บุคคล หรือกลุ่มคนที่มีวิถีชีวิต ค่านิยม และวัฒนธรรมความเชื่อ แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อนในหลายมิติ ทั้งเรื่องการรักอิสระในการทำงาน มีความเป็นปัจเจกภาพสูง ให้ความสำคัญกับสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค คิดเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดช่วงอายุ เพศ
นักออกแบบชุมชน หมายถึง นักสร้างสรรค์ที่มีความสนใจด้านการออกแบบการสื่อสารผ่านชุมชน หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาทางสถาปัตยกรรม งานสื่อสาร การออกแบบการคิดสร้างสรรค์ ที่มีหน้าที่สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมทางกายภาพของชุมชน และให้ความสำคัญกับคุณค่าที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมDesign for Change หมายถึง คนรุ่นใหม่ที่อาสาร่วมเรียนรู้และสร้างสรรค์ผ่านงานออกแบบชุมชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนน
Inclusive Community หมายถึง รูปแบบการดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนพื้นที่ปฏิบัติการลดอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน ผ่านกระบวนการคิด การออกแบบ และการสร้างสรรค์ร่วมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้รถใช้ถนน ส่งผลให้เกิดความตระหนักรู้ที่สามารถสร้างวิถีและวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในชุมชนด้วยงานศิลปะสร้างสรรค์