
Mission to the Drive – พลังนักออกแบบรุ่นใหม่ สานพลังสู่เมืองปลอดภัยที่รูสะมิแล
Mission to the Drive – พลังนักออกแบบรุ่นใหม่ สานพลังสู่เมืองปลอดภัยที่รูสะมิแล
เมืองเล็กกับโจทย์ใหญ่ความปลอดภัย
เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ดังระงมไปทั่วตรอกซอยของตำบลรูสะมิแล จังหวัดปัตตานี ย่านชุมชนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ซ่อนเร้นปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบนท้องถนนเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียนที่ต้องข้ามถนนหน้าโรงเรียนโดยไร้ทางม้าลายที่ชัดเจน คนทำงานที่เร่งรีบกลับบ้านท่ามกลางแสงไฟถนนที่ไม่สว่างเพียงพอ หรือผู้สูงอายุที่ก้าวข้ามทางแคบ ๆ อย่างหวาดกลัว
ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ อุบัติเหตุทางถนนเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตและบาดเจ็บสูงสุด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะหลัก ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระบุว่า ปัตตานียังมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ สะท้อนถึงโจทย์ใหญ่ที่ยังต้องแก้ไข
ท่ามกลางสถานการณ์นี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ในรูสะมิแลกำลังลุกขึ้นมาเปลี่ยน “เสียงบ่น” ของชุมชน ให้กลายเป็น “เสียงออกแบบ” ผ่านเวที “Mission to the Drive พลังนักออกแบบรุ่นใหม่ขับเคลื่อนเมืองปลอดภัยสู่การเปลี่ยนแปลงจริง” ที่ไม่เพียงเป็นพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงพลังสร้างสรรค์ แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การกำหนดนโยบายของเทศบาลเมืองรูสะมิแลโดยตรง
ที่มาของ “Mission to the Drive”
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Design for Change กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนคือ ลดปัจจัยเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
แนวคิด “Design for Change” เชื่อว่าการออกแบบไม่ใช่แค่เรื่องสถาปัตยกรรมหรือศิลปะ แต่คือกระบวนการคิดและลงมือทำเพื่อแก้ปัญหาสังคม โดยเริ่มจากการมองเห็นปัญหาจริงในชีวิตประจำวัน สำรวจและวิเคราะห์ สร้างต้นแบบ และนำเสนอเพื่อขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลง
ในรูสะมิแล ความร่วมมือนี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเวที Mission to the Drive ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ ลงพื้นที่สำรวจจุดเสี่ยง ร่วมกันคิดค้นสื่อสร้างสรรค์ และนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายต่อผู้บริหารเทศบาล
พลังของนักออกแบบรุ่นใหม่
บรรยากาศการลงพื้นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและจริงจัง นักศึกษาคณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เดินสำรวจตรอกซอย ถนนสายหลัก และจุดเสี่ยงใกล้โรงเรียนมัสยิดและตลาด
“ทางม้าลายตรงหน้าโรงเรียนไม่มีใครหยุดให้เลยค่ะ เด็ก ๆ ต้องวิ่งข้ามเส้นกลางถนนกันทุกวัน” – เสียงของนักเรียนหญิง ม.5 ที่บันทึกลงในแผนที่ชุมชน
ทีมเยาวชนใช้วิธีการ “เดินเมือง–บ่นเมือง” เพื่อเก็บข้อมูลปัญหาที่พบ ไม่ว่าจะเป็นป้ายจราจรที่หันผิดทิศ ทางโค้งที่บดบังทัศนวิสัย หรือแสงไฟถนนที่ไม่เพียงพอ พร้อมทั้งถ่ายภาพและสัมภาษณ์คนในพื้นที่
จากนั้นข้อมูลเหล่านี้ถูกถอดรหัสเป็น “ต้นแบบ” สื่อสร้างสรรค์ เช่น
-
ป้ายอินโฟกราฟิกสีสันสดใสที่บอกจุดเสี่ยงอันตราย
-
แคมเปญออนไลน์ #SafeRusamilae ที่เผยแพร่ผ่าน TikTok และ Facebook
-
แบบจำลองทางม้าลาย 3D ที่ออกแบบให้สะดุดตาแม้ในเวลากลางคืน
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า เยาวชนไม่ได้เพียง “พูดถึงปัญหา” แต่พยายามออกแบบทางออกที่จับต้องได้จริง
เวทีสื่อสารกับผู้กำหนดนโยบาย
ไฮไลต์สำคัญของ Mission to the Drive คือการที่เยาวชนได้ขึ้นเวทีนำเสนอข้อเสนอของตนเองต่อ ผู้บริหารเทศบาลเมืองรูสะมิแล โดยตรง
ข้อเสนอที่ถูกนำเสนอมีทั้งด้านกายภาพและด้านสังคม เช่น
-
ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน – ติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณถนนมืด ปรับปรุงทางม้าลายให้เห็นชัดเจน เพิ่มสัญญาณไฟเตือนใกล้โรงเรียน
-
สื่อสารพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย – จัดทำสื่อออนไลน์และโปสเตอร์ในชุมชนเพื่อรณรงค์ใส่หมวกกันน็อกและเคารพกฎจราจร
-
การมีส่วนร่วมของชุมชน – ตั้งเครือข่ายอาสาสมัครชาวบ้านเฝ้าระวังจุดเสี่ยง และร่วมวางแผนกับเทศบาลในการปรับปรุงพื้นที่
เสียงปรบมือจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ดังลั่นเมื่อทีมเยาวชนสรุปประโยคว่า
“เมืองปลอดภัยไม่ใช่แค่ความฝัน ถ้าเราลงมือออกแบบมันไปด้วยกัน”
นายกเทศมนตรีเมืองรูสะมิแลย้ำบนเวทีว่า เทศบาลพร้อมจะนำข้อเสนอไปพิจารณาและต่อยอดสู่แผนพัฒนาท้องถิ่น
การสานพลังในชุมชน
สิ่งที่น่าประทับใจไม่ใช่เพียงเยาวชนที่มีพลัง แต่คือการที่คนในชุมชนลุกขึ้นมามีส่วนร่วมด้วย
-
ผู้ปกครอง บอกเล่าว่ารู้สึกอุ่นใจที่ลูกหลานได้เรียนรู้และลงมือออกแบบเมืองของตนเอง
-
ผู้นำศาสนา ชี้ว่าการขับขี่ปลอดภัยคือการรักษาชีวิตที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
-
ชาวบ้าน หลายคนเข้ามาร่วมระดมความคิด เสนอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น จุดที่รถบรรทุกวิ่งเร็ว หรือบริเวณที่มักเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก
การสานพลังนี้ทำให้ Mission to the Drive ไม่ใช่แค่โครงการของเยาวชน แต่คือโครงการของทั้งชุมชน
ผลกระทบและความหมาย
เวทีครั้งนี้สร้างผลลัพธ์หลายด้าน ได้แก่:
-
การสร้าง Active Citizen – เยาวชนเรียนรู้บทบาทพลเมืองที่ไม่ใช่เพียงผู้ใช้ถนน แต่คือผู้ออกแบบเมือง
-
การเปลี่ยนพฤติกรรม – ชุมชนเริ่มตระหนักถึงการสวมหมวกกันน็อก การขับขี่มีน้ำใจมากขึ้น
-
การปรับสภาพแวดล้อม – เทศบาลเริ่มโครงการติดตั้งไฟถนนและทาสีทางม้าลายใหม่ในบางจุด
-
วัฒนธรรมความปลอดภัย – เสียง “บ่นเมือง” ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น “เสียงออกแบบเมือง” ที่มีพลังสร้างสรรค์
-
การขับเคลื่อนสู่นโยบายสาธารณะ – ข้อเสนอหลายข้อถูกบรรจุในเวทีวางแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำปี
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า Design for Change ไม่ใช่เพียงโครงการชั่วคราว แต่คือกลไกสร้างการเปลี่ยนแปลงยั่งยืน
บทสรุป: รูสะมิแลในสายตาอนาคต
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงไฟถนนดวงใหม่เริ่มส่องสว่างในย่านตลาด ชาวบ้านหลายคนบอกว่า “ปลอดภัยขึ้นเยอะ” แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากกว่านั้นคือทัศนคติของผู้คน
เด็กนักเรียนที่เคยบ่นว่าต้องวิ่งข้ามถนน บัดนี้คือคนรุ่นใหม่ที่เสนอแนวทางแก้ไข ผู้บริหารเทศบาลที่เคยรับฟังปัญหาอย่างห่างเหิน บัดนี้เปิดพื้นที่ให้เยาวชนมีส่วนร่วมจริง และชุมชนที่เคยรู้สึกว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องไกลตัว บัดนี้เริ่มเชื่อว่าตนเองมีบทบาทสำคัญ
“Mission to the Drive” จึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมหนึ่งวัน แต่คือ จุดเริ่มต้นของการเดินทางใหม่ ที่จะทำให้ตำบลรูสะมิแลค่อย ๆ ก้าวสู่การเป็น เมืองปลอดภัยที่ทุกคนร่วมออกแบบ
วีดีโอ
รูปภาพ














